ร่วมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การทบทวนแผนบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ประจำปี 2566”

               ระหว่างวันที่ 25 – 27 กรกฎาคม 2566   นายอภิไท  มังธานี  สหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ มอบหมายให้นางสาวธัญรัตน์  ส่งเสริม ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการบริหารการจัดการสหกรณ์ เข้าร่วมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การทบทวนแผนบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ประจำปี 2566” ณ ห้องประชุมไพฑูรย์ โรงแรมเมธาวลัย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี  วัตถุประสงค์โครงการเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมร่วมกันวิเคราะห์ความเสี่ยง จัดทำทบทวนแผนบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในกองทุนพัฒนาสหกรณ์  อีกทั้ง กำหนดปัจจัยเสี่ยงระดับองค์กรที่มีโอกาสและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในปีบัญชี 2567 และกำหนดกระบวนการทำงานในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิผล ดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ตามภารกิจ และเป็นไปตามกรอบหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน (เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์)

              โดยมีนายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการฯ ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 และบรรยายพิเศษ หัวข้อ “แนวทางการบริหารจัดการเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์” ปัจจุบันเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ มีทุนดำเนินงานกว่า 6,900 ล้านบาท ส่วนในเรื่องของการบริหารความเสี่ยงนั้น ถือเป็นเครื่องมือป้องกันเหตุการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการดำเนินงาน เพื่อให้กระบวนการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 โดยกำหนดให้กรมบัญชีกลาง ประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ให้ทุนหมุนเวียน ต้องมี "แผนการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน" 

              พร้อมนี้ รองอธิบดีฯ เน้นย้ำว่า จะต้องทราบถึงข้อดี ข้อเสีย รู้สาเหตุ และนำมาแก้ไขให้เป็นขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำแผน กระบวนการ การลงมือปฏิบัติ และมีแบบรายงานติดตามผล ประเมินผลว่ามีอะไรที่จะต้องแก้ไขบ้าง นอกจากนี้ ควรมีการระดมสมองร่วมกัน รักษาตัวชี้วัดที่ดีอยู่แล้ว วาง Timeline ในการติดตาม และสะท้อนกลับไปยังพื้นที่ให้ได้ รวมทั้งนำระบบ IT เข้ามาช่วยในการประเมิน ระบบสารสนเทศและการสื่อสารจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีการทำแผนวงเงินและกำหนดในตัวชี้วัดจังหวัด และมีแนวทางในการฟื้นฟูสหกรณ์ บริหารจัดการความเข้มแข็งของสหกรณ์ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาการสหกรณ์ ฉบับที่ 5 ทั้ง 4 มิติ ซึ่งจะส่งผลให้สหกรณ์มีความเข้มแข็ง การตรวจสอบภายในจะดีขึ้น มีการสร้างมูลค่า สร้างโอกาส สร้างรายได้ให้สมาชิกสหกรณ์